Namjai Curry Paste began with the inspiration of Mrs. Saiki Sae Lee, who moved from China to Thailand and first settled in Nonthaburi before relocating to Bangkok’s Yaowarat district, the bustling heart of Chinese trade at the time.

In 1954 (B.E. 2497), she started making traditional Thai curry paste from a small shophouse at No. 13, later expanding next door to No. 15 in Talat Mai, Samphanthawong. Over the next three decades, this humble family venture grew steadily—first across Bangkok and then throughout the provinces.
When the time came to pass on the legacy, her youngest daughter and son took the helm, refining recipes and expanding distribution—from wet markets to supermarket shelves, and eventually to international exports.

By 1991 (B.E. 2534), the business expanded from Ng Teck Huat Trading Partnership with the establishment of Curry & Spice Co., Ltd.. Both companies continue to operate side by side to this day.
For more than 70 years, Namjai has stayed true to its roots—preserving authentic Thai flavors passed down through generations, while bringing the taste of tradition to kitchens in Thailand and around the world.
A Symbol of Virtue, Integrity, and Generosity

Guaranteed Quality Through Certified Standards

“ความอร่อยสูตรก้นครัวจากรุ่นสู่รุ่น”
ณ ปี พศ. 2497 พริกแกงพื้นบ้าน ได้ถือกำเนิดขึ้น จากผู้หญิงตัวเล็กที่ย้ายถิ่นฐานมาจาก ประเทศจีน ด้วยเสื่อผืนหมอนใบและ นางได้เติบโตในจังหวัด นนทบุรี ต่อมาได้ย้ายมาอาศัยในบ้านเล็กๆ ณ ตลาดกรมภูธเรศ(ย่านไชน่า ทาวน์) ของกรุงเทพฯ และได้จำหน่าย สินค้า พริกแกงที่ได้เรียนรู้กรรมวิธีการผลิต มาจากที่อยู่เดิม เริ่มต้นขายในปากคลองตลอด ที่ บ้านเลขที่ 13 ภายใต้ชื่อร้าน “อึ้ง เต็ก ฮวด” โดยมีลูกชายคนสุดท้อง และพี่สาว ช่วยกันทำพริกแกง สดใส่กะละมัง ส่งขายในตลาดระแวกใกล้เคียง จนเป็นที่ บอกเล่าปากต่อปาก กระจายไปทั่ว จนมีการจัดจำหน่าย ตั้งแต่ ภาคเหนือสุด จังหวัดเชียงราย ไปจนถึง อำเภอ สุไหงโกลก ใต้สุดจังหวัด นราธิวาส.
ในปี พศ. 2520 ได้มีการว่าจ้าง ให้ทำพริกแกงส่งออก ไปให้แรงงานในแถบตะวันออกกลาง ส่งออก สูงสุดเป็นจำนวน 10,000 กิโลกรัมต่อ ครั้ง ภายใต้แบรนด์ลูกค้า และ ส่งออกเรื่อยมา.
ใน ปี พ.ศ. 2531 บริษัท อึ๊ง เต็ก ฮวด เริ่ม มีการนำสินค้าไปจำหน่าย ในห้างสรรพสินค้า ต่าง ๆ เช่น THE MALL, มาบุญครอง(MBK) , FOODLAND , และ CENTRAL. ในปีเดียวกันนั้นเอง ทางบริษัท ได้มีการต่อเติมและ สร้าง อาคารเพื่อรองรับกำลังการผลิต, ควบคุมการจัดเก็บ/ตรวจสอบคุณภาพ วัตถุดิบ ก่อนนำมาแปรรูป เป็นผลิตภัณฑ์ ,และ เก็บรวบรวมจำนวนสินค้า ก่อนจัดจำหน่ายให้ ลูกค้า ต่อ ๆ ไป
ในปี พ.ศ. 2534 ได้ทำการขยายกิจการ และจดทะเบียนในนาม บริษัท เคอร์รี่ แอนด์ สไปร์ จำกัด. มีการ ย้ายฐานการผลิต มาที่ เขตหนองแขม และสร้างโรงงานให้ถูก สุขลักษณะ ตามกฎหมาย เพื่อทำการค้าขายภายใน ประเทศ และ ต่างประเทศ อย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ หลังจากที่ อาคาร ได้ทำการก่อสร้างเสร็จสิ้น ทาง บริษัท เคอร์รี่ แอนด์ สไปร์ จำกัด. ได้มีการคิดค้น นวัตกรรม การถนอมอาหาร เพื่อต่อยอด ผลิตภัณฑ์ โดย ให้สามารถ เป็นเครื่องแกงไร้สารกันบูด 100% และ ไร้สารปรุงแต่ง ซึ่งอยู่ใน อุณภูมิห้องโดยไม่เกิดการเน่าเสียได้เป็นเวลา 2-3ปี จนถึงปัจจุบัน พริกแกงที่ผลิตจาก บริษัท เคอร์รี่ แอนด์ สไปร์ จำกัด. มีเอกลักษณ เด่นคือ ซองเปลือยเปล่า มาจนถึงทุกวันนี้
ปี พ.ศ. 2535 บริษัท เคอร์รี่ แอนด์ สไปร์ จำกัด. ได้มีการ จัดจำหน่ายสินค้าไปที่ สหราชอาณาจักร หรือประเทศอังกฤษ และต่อมา ได้ร่วมจับมือ ทำการค้ากับประเทศอินเดีย (ผลิตภัณฑ์พริกแกง) ต่อมา ในปี พ.ศ. 2541 ได้ทำการค้าเพิ่มเติมในแทบเอเชีย เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน (ผลิตภัณฑ์ต้มยำ ) จนถึงปัจจุบัน บริษัท เคอร์รี่ แอนด์ สไปร์ จำกัด. ได้จัดจำหน่าย พริกแกงสูตรโบราณ ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ 100% และไม่มีสารกับบูด มามากกว่าหลาย 10 ประเทศทั่วโลก
เรามุ่งเน้น วัตถุดิบคุณภาพ ที่มีคุณภาพ, ปลอดภัย, และ ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค โดย ทาง บริษัท เคอร์รี่ แอนด์ สไปร์ จำกัด. ยึดถือหลัก ศีลธรรม ทางการค้า ที่จะส่งต่อถึงผู้บริโภคเป็นหลัก โดย เครื่องหมายการค้า ตราน้ำใจ เป็นเครื่องหมายที่สื่อได้ดี นั้น แปลว่า ผู้เจริญด้วย ศีลธรรม, ความสัตย์จริง, และ มีน้ำใจ
ผู้เจริญด้วย ศีลธรรม, ความสัตย์จริง และมี “น้ำใจ”
สิ่งที่ยึดมั่นในการทำธุรกิจ:
“น้ำใจ” ยึดถือหลัก ศีลธรรม ทางการค้า ที่จะส่งต่อถึงผู้บริโภคเป็นหลัก โดย เครื่องหมายการค้า ตราน้ำใจ นั้น แปลว่า ผู้เจริญด้วย ศีลธรรม ความสัตย์จริง และ มีน้ำใจ”
ตลอด 70 ปีในการดำเนินธุรกิจ เรามุ่งเน้น ที่จะคัดแต่วัตถุดิบคุณภาพ ปลอดภัย และไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค อาทิเช่น การหยุดใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชก่อนการเก็บเกี่ยว เป็นระยะเวลา 15 วัน เพื่อทิ้งระยะเวลาให้สารเคมีสลาย และเพื่อให้ได้วัตถุดิบที่ปลอดภัยจากสารตกค้าง
สนับสนุนเกษตรกรพื้นบ้าน:
“น้ำใจ” ขอเป็นส่วนหนึ่งการพัฒนาชุมชนและสนับสนุนการทำการเกษตรแบบยั่งยืน เราเลือกใช้วัตถุดิบส่วนหนึ่งจากเกษตรกรพื้นบ้านจากฟาร์มที่ได้มาตรฐาน และยังมีการสนับสนุนพื้นที่ให้เกษตรกรได้ใช้ในการทำการเพาะปลูกโหระพาและกะเพราในจังหวัดนครปฐม และอีกหลายพื้นที่
“การันตีคุณภาพด้วยมาตรฐานตราสัญลักษณ์ที่น้ำใจได้รับ”
หลากหลายรางวัลและมาตรฐานที่น้ำใจได้รับ
“น้ำใจ” ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะทำการวิจัยและพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยมีการนำเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัยมาใช้ในการผลิต อีกทั้งยังมีการควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอน
พริกแกงไทย ดังไปไกลทั่วโลก
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ “น้ำใจ” เป็นที่ยอมรับของกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลาย ทั้งในประเทศไทยและกว่า 25 ประเทศทั่วโลก ถือเป็นการแสดงถึงภาพลักษณ์ของคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าพริกแกงไทยที่ไปไกลในตลาดโลก
